วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

โหราศาสตร์ภารตะ - พระจันทร์



พระจันทร์ (Chandra or Chadrama or Soma)
1. ตำแหน่ง : อุจจ์ ราศีพฤษภ 0º - 3º เป็นมูลตรีโกณ ราศีพฤษภ 4º – 30º เป็นเกษตร ราศีกรกฎ 0º - 30º
* บรมอุจจ์ ราศีพฤษภ 3º
* บรมเกษตร ราศีกรกฎ 9º
2. ทิศ : เจ้าการทิศพายัพ (Vayavya Dikpala)
** พระวายุเทพเป็นผู้ดูแลทิศพายัพ มีธนูวายุอัสตราเป็นอาวุธ
3. เวลา : มีกำลังในเวลากลางคืน
* ขึ้น 11 ค่ำ – แรม 5 ค่ำ อยู่ในดิถีเพ็ญ มีกำลังมากที่สุด
* แรม 6 ค่ำ – แรม 15 ค่ำ อยู่ในดิถีดับ มีกำลังน้อยที่สุด
* ขึ้น 1 ค่ำ – ขึ้น 10 ค่ำ อยู่ในดิถีเพ็ญ มีกำลังปานกลาง
4. ภพ : ทิคะพละศักดิ์ มีกำลังเมื่ออยู่ในภพพันธุ
5. วรรณะ : ไวศยะ (Vaishya Varna) แพทย์ พ่อค้าวานิช
6. ธาตุ : ชลธาตุ (Jala Tattva)
7. ฤดู : วรรศาฤดู (Varsa ritu) ฤดูมรสุม สิงหาคม - กันยายน
8. สี : น้ำตาลอ่อน
9. อัญมณี : มุก (Pearl) ทดแทนโดย มูนสโตน (Moon-stone) หรือ ไวท์แซฟไฟร์ (white Sapphire) โดยมุกต้องมีน้ำหนัก 2 4 6 หรือ 11 กะรัต ประดับบนแหวนเงินในวันจันทร์ สวมที่นิ้วนางข้างขวา และต้องสวมครั้งแรกในเช้าวันจันทร์ หรือพฤหัสบดีดิถีเพ็ญ
10. ตัวอักษร : ย ร ล ว ศ ษ ส ห ฮ ฬ
11. เทพผู้รักษา : พระพิรุณ (Varuna) ** พระแม่ปาราวตี (Parvati)
12. เพศ : เสามะยะ (Saumya) เพศหญิง
13. อวัยวะ : ใบหน้า น้ำลาย น้ำทุกอย่างในร่างกาย ต่อมไร้ท่อ ต่อมฮอโมน ต่อมทอลซิล ต่อมน้ำเหลือง ถันของหญิงสาว หน้าอก ปอด ท้อง มดลูก รังไข่ ระบบประจำเดือน ตาขวาของหญิง ตาซ้ายของชาย
14. โรค :  ความแข็งแรงและความสมบูรณ์ของร่างกาย น้ำในร่างกาย โรคเลือดและน้ำเหลือง โรคโลหิตจาง ปัญหานอนไม่หลับ ความเฉื่อยชา โรคจิต หลอดลมอักเสบ โรคปอด วัณโรค โรคช่องปาก ระบบการย่อยผิดปกติ โรคประสาท โรคชักและลมบ้าหมู โรคม้าม โรคกระเพาะปัสสาวะ โรคที่เกี่ยวกับมดลูกและรังไข่ ประจำเดือนมาไม่ปกติ
15. นิสัย : สัตวะคุณะ (Sattva Guna) ใช้ดูหญิง และใช้ดูจิตใจ ใจดี ใจเย็น ความสะอาดสะอ้าน ความสง่างามของหญิง ความสวยงาม ความผาสุก ความยินดี พูดมาก แสนงอน
16. บุคคล : มารดา ภรรยา เจ้านายหญิง สตรีเพศ อายุในวัยเด็ก หญิงเบญจกัลยาณี บุราณทุติยิกา-ภรรยาที่มีก่อนบวชพระ นางพระยา ทหารเรือ
17. สถานที่ : ห้องน้ำ สระน้ำ ที่ๆมีน้ำขัง ลำน้ำ น้ำจืด แม่น้ำ ที่นอนชั้นดี กองทัพเรือ
18. รูปร่าง : รูปร่างสูงโปร่งระหง แบบบางสะโอดสะอง มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ขาและแขนแข็งแรงและสวยงามน่ารัก สวยงาม งามพร้อม ตาเป็นประกาย เสียงและวาจาอ่อนหวานไพเราะ งามผุดผ่อง
19. สิ่งอื่นๆ : รสเค็ม ต้นไม้ที่มีน้ำยาง ต้นยางพารา ผ้าไหมสีขาว ผ้าเนื้อบาง ดอกไม้ อาหารชั้นดี ขนม บุพเพสันนิวาส ผังเมือง พฤกษชาติ แม่พิมพ์ ปลาน้ำจืด เพชรที่เจียระไนแล้ว มณีรัตน์ เสื้อผ้าหญิง น้ำหอม กำไลข้อมือ พาหุรัดหรือที่รัดต้นแขน กระดิ่ง การเจริญเติบโตของพืช น้ำฝน สายสิญจ์
20. ประวัติการกำเนิด
         ประวัติการกำเนิดของพระจันทร์นั้นมีเรื่องราวที่แตกต่างกันดังนี้
         ในคัมภีร์สกันทะปุราณะ กล่าวว่าพระจันทร์ผุดขึ้นจากเกษียรสมุทรตอนกระทำพิธีกวนเกษียรสมุทร ซึ่งเป็นเพียงปุราณะเดียวที่อธิบายกำเนิดของพระจันทร์เช่นนี้ ส่วนในปุราณะอื่นได้อธิบายเรื่องราวการกำเนิดของพระจันทร์ไว้ดังนี้
         ในสมัยหนึ่ง มีพรามหณีผู้หนึ่งชื่อ เกาสิกี บิดาของนางได้ยกนางให้แต่งงานกับพราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อว่า เกาสิกะ แต่เกาสิกะปฏิเสธที่จะแต่งงานกับนางด้วยเพราะเกาสิกะชอบเที่ยวหอนางคณิกาโสเภณีและรักชีวิตอิสระปราศจากคู่ครอง แต่เกาสิกีก็ยืนยันที่จะแต่งงานอยู่รับใช้เกาสิกะ เกาสิกะจึงยอมแต่งงานกับนาง เมื่อแต่งงานแล้วด้วยความรักของเกาสิกี นางก็ดูแลและเทิดทูนสามีราวกับเป็นเทพองค์หนึ่ง แต่เกาสิกะก็ไม่เลิกนิสัยเจ้าชู้ ซ้ำร้ายยังระบายอารมณ์โกรธใส่และเยาะเย้ยถากถางนางเกาสิกีบ่อยครั้ง แต่ด้วยความรักและความบริสุทธิ์ใจของนางเกาสิกี นางก็ยังคงภักดีต่อสามีของนางไม่เสื่อมคลาย และแม้ว่าเกาสิกะจะแต่งงานกับนางแล้ว เกาสิกะก็ยังชอบไปเที่ยวหอนางคณิกาและโสเภณีบ่อยครั้งแม้นว่าตนเองจะเป็นพราหมณ์ที่ควรจะถือศีลและมีภรรยาอยู่แล้วก็ตาม
         ด้วยความร้ายกาจของเกาสิกะนี้เอง เทพเจ้าจึงบันดาลโรคเรื้อนให้ผุดขึ้นตามร่างกายของเกาสิกะทั่วไปหมด เกาสิกะหลังจากเป็นโรคเรื้อน หอนางคณิกาโสเภณีก็ไม่รับเกาสิกะเข้าไปเที่ยวอีกต่อไป และไล่เกาสิกะให้กลับบ้านไปอยู่กับภรรยา เกาสิกะเป็นโรคเรื้อนจนร่างกายอ่อนแอ แม้กระนั้นเองเกาสิกะก็ยังไม่หยุดความร้ายกาจของตน กลับสั่งนางเกาสิกีผู้เป็นภรรยา ให้พาตนไปเที่ยวหอนางคณิกาโสเภณี โดยจะขี่คอนางเกาสิกีไป ด้วยความรักของนางเกาสิกีนางก็ยอมทำตามคำสั่งของสามี นางเก็บเงินที่มีในบ้าน พาสามีขึ้นขี่คอ เดินทางไปในตอนกลางคืน
         ระหว่างทางต้องผ่านป่าทึบ ที่ซึ่งมีพราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อมานทวายะ ถูกจับผูกกับต้นไม้ห้อยประจานความผิดไว้ ในความมืดนั้นเองนางเกาสิกีมองเห็นอะไรได้ไม่ชัดนัก จึงทำให้เกาสิกะที่ขี่บ่าอยู่นั้น ไปชนกับตัวของมานทวายะ และมานทวายะก็ได้สาปว่า ผู้ที่มาแตะต้องตัวของตน ขอให้จบชีวิตในเช้าวันรุ่งขึ้นนั้นเอง นางเกาสิกีได้ยินดังนั้นก็เหมือนฟ้าผ่าลงกลางหัวใจ นางกลัวสามีจะต้องจบชีวิตลง และโกรธมานทวายะที่บังอาจสาปสามีตน นางจึงใช้ความดีที่นางสะสมมาทั้งหมด อธิษฐานต่อไปว่า ขอพระอาทิตย์จงอย่าขึ้นมาอีกเลย ด้วยเหตุนี้ ในเช้าวันนั้นพระอาทิตย์ก็มิขึ้นมาเหมือนเคย ทำให้โลกสวรรค์และโลกมนุษย์ปั่นป่วนเป็นอันมาก ด้วยต้องตกอยู่ในความมืดมิด เทพต่าง ๆ ก็มีความกังวลว่า หากโลกทั้งหมดนั้นต้องตกอยู่ในความมืด จักรวาลอาจจะถูกทำลาย ต่อไปนี้จะไม่รู้วันและเวลา เทพทั้งหลายจึงชักชวนกันไปหาพระพรหม พระพรหมทรงตรัสชี้แนะว่าให้ไปขอความช่วยเหลือจากนางอนสุยา
         นางอนสุยาเป็นภริยาของมหาฤๅษีอตริ มหาฤๅษีอตริเป็นหนึ่งในมหาฤๅษีทั้ง ๗ ที่พระพรหมสร้างขึ้นมาเพื่อชำระคัมภีร์พระเวทย์ เมื่อเหล่าเทพมาเยือนนางถึงกระท่อมและขอให้นางช่วยเหลือ นางจึงเดินทางไปหานางเกาสิกี เมื่อนางมาถึงที่กระท่อมของนางเกาสิกีแล้วจึงแจ้งความจำนง ขอให้นางเกาสิกียกเลิกคำอธิษฐานและปล่อยให้พระอาทิตย์ขึ้นมาเหมือนเดิม นางเกาสิกีไม่ยอม เพราะหากนางปล่อยให้พระอาทิตย์ขึ้น สามีของนางก็จะต้องตาย นางอนสุยาจึงสัญญาว่า หากพระอาทิตย์ขึ้นแล้วนางจะชุบชีวิตสามีของนางให้ฟื้นคืนดังเดิม ด้วยเหตุนี้นางเกาสิกีจึงยอมยกเลิกคำอธิษฐานนั้นและปล่อยให้พระอาทิตย์ขึ้นมาดังเดิม
         เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้า พราหมณ์เกาสิกะก็ถึงแก่ความตาย นางอนสุยาจึงชุบชีวิตเกาสิกะให้ฟื้นคืนดังเดิมพร้อมทั้งรักษาโรคเรื้อนให้หายกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามดังเดิม เกาสิกะจึงประจักษ์แจ้งในความรักของนางเกาสิกีและสัญญาจะดูแลนางในฐานะสามีที่ดีตลอดไป
         เทพทั้งหลายเมื่อรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ จึงพากันสรรเสริญนางอนสุยา พระพรหมบิดาจึงถามถึงความปรารถนาของนาง นางอนสุยาจึงขอพรจากพระพรหมเทพบิดาว่า อยากจะให้พระพรหมเทพ พระนายรายณ์ และพระศิวะ มาประสูติในครรภ์เป็นลูกของตน พระนารายณ์จึงแบ่งภาคมาจุติในครรภ์ของนางเป็น ทัตตะเตรยะ หรือพระตรีมูลติ พระพรหมแบ่งภาคมาจุติเป็นพระจันทร์ และพระศิวะแบ่งภาคมาจุติเป็น มหาฤๅษีทุรวาสะ
         เทวลักษณะของพระจันทร์เป็นหนุ่มรูปงามมีสี่กร ถือหม้อน้ำ ๑ ดอกบัว ๑ คฑา ๑ ประทานพร ๑ รถม้าของพระจันทร์มีม้าเทียม 10 ตัว สัตว์พาหนะของพระจันทร์คือกวาง ส่วนในทางไทยพระจันทร์จะถือพระขรรค์ และสัตว์พาหนะของพระจันทร์คือม้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น